Apple

ตามความคาดหมายกับการเปิดตัวของ iPad รุ่นต่อไปที่ยังไม่รู้ว่าจะมีชื่อรุ่นอะไรว่าจะเป็น iPad 3, iPad HD หรือชื่ออื่นๆ โดยงานจะจัดที่ Yerba Buena Center for the Arts ที่ซานฟรานซิสโกเวลาสิบโมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น เเละก็ตามรูปเลยครับที่เห็นว่าไม่ได้เป็นจอ iPad เเบบธรรมดาๆ เเต่น่าจะเป็นจอที่มีความละเอียดสูงตามข้อมูลที่มีมาก่อนหน้า

เป็นอันรู้กันชัวร์ๆ แล้วว่า iPad 3 จะเปิดตัวในวันที่ 7 มีนาคมนี้เป็นแน่ (ตามเวลาบ้านเราก็ราวตีหนึ่งวันที่   แต่สิ่งหนึ่งที่มีข่าวออกมาก่อนหน้าคือ iPad 3 จะหนาขึ้นอีกเล็กน้อย วันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว เว็บไซต์ประเทศจีน Apple.pro ได้โชว์ภาพวัดขนาดตวามหนาของฝาหลัง iPad 2 และ iPad 3 เทียบกับ ผลคือรุ่นเก่าอยู่ที่ 8.69 มม. และรุ่นใหม่อยู่ที่ 9.5 มม. ห่างกันประมาณ 8 มม. แต่เนื่องจากการวัดดังกล่าวมีแต่ฝาหลัง ตัวเครื่องจริงจะมีส่วนของจอที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย เปรียบเทียบกับความหนามาตรฐานของ iPad 2 ที่ 8.8 มม. แล้ว iPad 3 เครื่องจริงน่าจะหนาประมาณ 9.6 มม. ส่วนที่หนาขึ้นเป็นเพราะอะไร ใส่ควอดคอร์ เปลี่ยนจอใหม่ หรือแค่เพิ่มแบตเตอรี่ อันนี้ก็ต้องรอลุ้นในงานนะครับ

แม้ยอดขายของ iPhone ทั่วโลกโดยรวมจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าในยุโรปอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีสภาพทางการเงินไม่ค่อยดีนัก อย่างประเทศกรีซ ที่ล่าสุดยอดขายมือถือทั้งประเทศ มี iPhone อยู่เพียง 5% เท่านั้น ส่วนในประเทศโปรตุเกสที่สภาวะทางการเงินของประเทศก็ไม่ได้ดีไปกว่ากรีซมากนักก็มียอดจำหน่าย iPhone ในปีก่อนเพียงแค่ 9% เท่านั้น ซึ่งรุ่นยอดนิยมก็เป็นรุุ่น 8 GB เครื่องไม่ติดสัญญาที่จำหน่ายในราคา $680 (ประมาณ 21,000 บาท) กลับกันกับตัว Android ที่ยอดขายพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในกรีซนั้น ยอดขายสมาร์ทโฟน Android นั้นเป็นถึงกว่า 60% ของยอดขายมือถือทั้งหมดในประเทศเลย มีรุ่นยอดนิยมเป็น Samsung Galaxy Mini ที่วางจำหน่ายด้วยราคา $188 (ราวๆ 5,800 บาท) ส่วนรุ่นท็อปๆอย่าง Samsung Galaxy S II ที่วางขายในกรีซนั้นก็มีราคาที่ต่ำกว่า iPhone รุ่นถูกสุดด้วย จึงไม่แปลกที่ Android รุ่นต่างๆจะขายดี เพราะขนาดรุ่นท็อปยังขายได้ถูกกว่า iPhone ซะอีก ส่วนสถานการณ์การจำหน่าย iPhone ในสหรัฐฯ นั้นก็มีเรื่องที่ทำให้บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายต้องกุมขมับเช่นกัน เพราะผู้ใช้งาน iPhone ส่วนใหญ่อยากจ

ถึงแม้ว่าจะโดนกลบด้วยกระแสจากงาน Mobile World Congress 2012 แต่ iPad 3 ก็ยังเป็นที่จับตามองเสมอ โดยล่าสุดมีหลุดภาพตารางเปรียบเทียบราคาระหว่าง iPad 2 และ iPad 3 ออกมา ที่น่าแปลกใจคือ … ราคานั้นแพงขึ้น! โดยรุ่น Wi-Fi จากเดิมที่เริ่มต้น 499 ดอลลาร์ ปรับเพิ่มเป็น 579 ดอลลาร์ หรือเพิ่มมาราว 80 ดอลลาร์ (ราวสองพันห้าร้อยบาท) ส่วนรุ่น Wi-Fi + 3G เพิ่มจาก 629 ดอลลาร์ไปอยู่ที่ 699 ดอลลาร์ เพิ่มมาราว 70 ดอลลาร์ (สองพันสองร้อยบาท) ถ้าหากว่าราคาที่หลุดออกมาในครั้งนี้ถูกต้อง อาจเป็นเพราะว่าจอใหม่ที่จะใช้ใน iPad 3 ซึ่งแน่นอนแล้วว่าจะเพิ่มจำนวนพิกเซลเป็น 2048 x 1536 พิกเซล น่าจะเป็นส่วนที่เพิ่มต้นทุนขึ้นมา และยังมีเรื่องของชิปประมวลผลตัวใหม่ และการรองรับ 4G อีกด้วย ถ้าแพงขึ้นมานิดหน่อยแบบนี้จริงๆ คนที่รออยู่จะซื้อกันไหมครับ ?

เริ่มหลุดจากโรงงานมาอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อมูลของ iPad 3 คราวนี้เป็นเว็บไซต์ของจีน “WeiPhone” ได้นำรูปที่อ้างว่าเป็น Logic Board หรือเเผงวงจรหลักของ iPad 3 เเละมีการพิมพ์ในส่วนของ SoC ว่า “A5x” ในส่วนของตัวประมวลผล ถุ้าเทียบกับข่าวลือที่มีมาก่อนหน้าที่ว่า iPad 3 จะใช้ตัวประมวลผล Apple A6 ที่ว่าจะเป็นตัว Quad Core เเต่จากรูปที่เห็นน่าจะยังเป็นตัวต้นเเบบอยู่ ซึ่ง Apple A5x นั้นน่าจะเป็นชื่อรุ่นอัพเกรดย่อยของ Apple A5 เท่านั้น นั่นหมายความว่า Apple A5x นี้คงจะไม่ต่างจากเก่ามากนัก โดยอาจจะเป็นเเค่การลดขนาดในการผลิตลงเพื่อให้ประหยัดไฟมากขึ้นก็ได้ อีกความเป็นไปได้คือ Apple A5x นั้นจะเปลี่ยนไปใช้ตัวประมวลผลเเบบ Quad Core ก็ได้เพราะมีความเป็นไปได้ในการผลิตอยู่เเล้ว เเต่เพียงตัวประมวลผลกราฟฟิค (GPU) PowerVR SGX 543 ตัวเก่า เพราะในอดีตนั้นตั้งเเต่ Apple A4 เเละ A5 นั้นมาีการเปลี่ยนเเปลงทางสถาปัตยกรรมทั้ง CPU เเละ GPU ไปเลยอย่างสิ้นเชิง

ช่วงใกล้ iOS 5.1 ออก เราเริ่มได้เห็นฟีเจอร์ใหม่กันบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้มีข้อมูลยืนยันแล้วว่ามี ปุ่มกล้องบนหน้าล็อกสกรีนแบบใหม่ และ Siri ภาษาญี่ปุ่น  ล่าสุดมีความเปลี่ยนแปลงในแอพเล็กๆ ที่มีอยู่นานแล้วอย่าง “Note” ครับ แอพ Note ตัวใหม่ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับ iOS 5.1 จะถูกเพิ่มฟีเจอร์ขึ้นไปให้ทัดเทียมกับ Note รุ่นที่เพิ่งเปิดให้ใช้บน OS X 10.8 “Mountain Lion” โดยฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาคือการใส่ลิงค์เว็บไซต์ ทำตัวหนา ตัวเอียง ขีดฆ่า ใส่สี (และอาจใส่รูปภาพได้ด้วย) นับเป็นครั้งแรกที่มีการอัพเดทแอพ Note นี้ หลังจากที่คงเดิมมาตั้งแต่ปี 2007 ที่เปิดตัว iPhone รุ่นแรกเลยทีเดียว

ถ้ายังจำกันได้ ในสมัยนี้ iPhone 4 ออกแรกๆ มีปัญหาที่เรียกว่า Antennagate หรือสัญญาณหายเมื่อจับในบางจุดของเครื่อง ซึ่งได้มีกลุ่มคนรวมตัวกันฟ้อง Apple เพื่อหวังให้มีการชดใช้ที่สมน้ำสมเนื้อ ล่าสุดมีการตัดสินมาแล้วว่า Apple จะยอมชดใช้เงินจำนวน 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเครื่อง หรือ Bumper หนึ่งชิ้น สำหรับผู้ที่ฟ้องมาในกรณีนี้ โดยใครที่คิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายดังกล่าวสามารถไปลงชื่อได้ที่เว็บไซต์  iPhone4Settlement  (ซึ่งตอนนี้ยังใช้การไม่ได้) ทั้งนี้นาย Ira Rothken แกนนำของกลุ่มกล่าวการชดเชยดังกล่าวถือว่ามีเหตุผล และเหมาะสมดีแล้ว

เรียกได้ว่าทำลายสถิติกันได้เรื่อยๆทีเดียวสำหรับอุปกรณ์ของค่าย Apple โดยได้มีการรวบรวมยอดขายอุปกรณ์ iOS ของปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า Apple สามารถจำหน่ายอุปกรณ์ iOS รวมไปได้ถึง 156 ล้านชิ้น เหนือกว่ายอดขายเครื่อง Macs ที่ Apple วางขายมากว่า 28 ปี ซึ่งมียอดรวมทั้งหมด 122 ล้านเครื่อง ก็ต้องนับว่าเป็นการทำลายสถิติที่ยอดมากๆ เมื่อดูว่า iOS ใช้การขายเพียงปีเดียว สามารถขายได้มากกว่า Macs ที่มีมากว่า 28 ปี ทำให้เหล่า iOS ดูจะกลายเป็นกระดูกสันหลังของ Apple ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเจาะลึกลงมา จะพบว่าตั้งแต่ปี 2007 Apple ได้จำหน่าย iPhone ออกไปแล้วกว่า 316 ล้านเครื่อง ส่วนตัวของ iPad ก็มียอดขายที่พุ่งกระฉูดขึ้นมา โดยล่าสุดอยู่ที่ราวๆ 55 ล้านเครื่องเข้าไปแล้ว ผิดกับ iPod Touch ที่ดูจากในกราฟแล้วเหมือนจะมีอัตรายอดขายที่เพิ่มขึ้นช้าลง (แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี) ทำให้ปีนี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่ายอดขายของทั้ง iPhone และ iPad จะพุ่งสูงขึ้นมากขนาดไหน

ความชื้นกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดูจะเป็นสองสิ่งที่เข้ากันไม่ได้ดีมากนัก และมักใช้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการรับประกันเครื่องด้วย อย่างในอุปกรณ์ iOS ทั้งหลายจะมีตัววัดความชิ้นสะสมอยู่ภายในเครื่อง ซึ่งก็คือแถบสีขาวๆที่อยู่ภายในช่องเสียบหูฟังนั่นเอง ซึ่งมันก็สามารถใช้งานได้ดี ยกเว้นในบางประเทศที่อากาศมีความชื้นสูง ก็จะใช้เจ้าตัวจับความชื้นนี้ได้ไม่เต็มที่นัก ทำให้ Apple ต้องหาหนทางใหม่ในการวัดความชื้นเพื่อรับประกันอุปกรณ์ของตน ซึ่ง Apple ก็ทำได้และดำเนินการจดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว โดยวิธีใหม่คือการหยอดกาวชนิดพิเศษลงไประหว่างชิ้นส่วนสองชิ้น โดยเมื่อกาวได้รับความชื้นไปถึงระดับหนึ่งก็จะละลายไป ซึ่งจะใช้การละลายของกาวนี่ละครับในการตรวจสอบการรับประกัน ซึ่งถ้าดูจากการที่ Apple หาวิธีใหม่มาใช้ในการตรวจสอบ ก็แสดงว่าที่ผ่านมาน่าจะเกิดปัญหาจนมีการเคลมและมีปัญหากับเรื่องของความชื้นมากพอสมควรเลยทีเดียว โดยวิธีใหม่นี้ คาดว่าน่าจะได้เห็นใน iPhone 5 ก็เป็นได้นะ

ข่าวนี้อาจทำคนรอ iPhone รุ่นใหม่เศร้าก็ได้ เมื่อ MacRumors อ้างข้อมูลจากบล็อกญี่ปุ่นชื่อว่า Macotakara ที่บอกว่า ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ว่า iPhone รุ่นถัดไปจะไม่เปิดตัวในช่วงงาน WWDC แต่จะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน หรือตุลาคม ใกล้เคียงกับการเปิดตัว iPhone 4S แทน นอกจากนี้ MacRumors เองก็บอกว่าได้ข้อมูลใกล้เคียงกันจากซัพพลายเออร์ของ iPhone รายหนึ่งที่ระบุว่า iPhone รุ่นใหม่น่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนเช่นกัน ก่อนหน้านี้ MacRumors เคยให้ข่าวถูกเมื่อครั้งเปิดตัว iPhone 4S ว่า Apple จะเปิดตัว iPhone เพียงรุ่นเดียวในงาน Let’s Talk และก็เป็นจริงดังว่าเสียด้วย

สำหรับคนที่ติดตามข่าวของสมาร์ทโฟนมาตั้งแต่ช่วงปี 2007 ช่วงที่ iPhone รุ่นแรกกำเนิดขึ้นมา จะทราบว่า Apple เป็นเจ้าแรกๆ ที่ปฏิวัติวงการแอพบนสมาร์ทโฟน และออก App Store ที่ใช้งานได้ง่ายในขณะนั้น ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Android Market ได้ปรับปรุงหน้าตาของแอพอยู่เป็นระยะๆ ฝั่งของ Apple … นิ่ง ล่าสุดทีมงานของ 9to5Mac นาย Mark Gurman ได้ให้ข้อมูลว่า Apple กำลังเตรียมปรับปรุง App Store และ iTunes Store ครั้งใหญ่ โดยคาดกันว่าการปรับครั้งนี้จะช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น และสามารถค้นหาแอพใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพขึ้นเช่นกัน โดยหน้าใหม่ดังกล่าวจะถูกปรับให้ Mac และเครื่อง PC ใช้กันก่อน และหลังจากนั้นจะเป็นคิวของอุปกรณ์ iOS นั่นเอง

ยังอยู่กับช่วงล้วงแคะแกะเกา iPad 3 กันต่อไป หลังจากที่เรารู้ชัวร์ๆ แล้วว่า iPad 3 นั้นเพิ่มความละเอียดหน้าจอชัวร์แล้ว มาทรงเดิมแน่แล้ว คราวนี้มีถาพเรนเดอร์ของ iPad 3 ที่ระบุว่าหน้าตาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยล่ะ ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก็คือ ขอบนั่นเอง … ขอบของ iPad 3 จะเรียวกว่าเดิม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ (เล็กน้อยจริงๆ) และอีกเรื่องคือ iPad 3 จะมาพร้อมกับกล้องความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล ทัดเทียมกับเจ้า Asus Transformer Prime เลยล่ะ ตอนนี้ก็รู้กันเกือบหมดเครื่องแล้ว เหลือแค่รอให้เปิดตัวปลายเดือนนี้จริงๆ ก็ได้เวลาเก็บเงินรอแล้วจ้า

ใกล้เข้าไปทุกขณะแล้วกับเมเจอร์อัพเดทแรกของ iOS 5.1 ที่คาดกันว่าจะเปิดให้อัพเดทกันในวันที่ 9 มีนาคมนี้ ล่าสุดมีข้อมูลหลุดออกมาเป็นภาพหน้าล็อกสกรีนที่มีอินเทอร์เฟซใหม่สำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ รวมถึงภาพยืนยัน Siri สำหรับภาษาญี่ปุ่นด้วย โดยเฟิร์มแวร์ที่หลุดมาเป็นตัว Pre-GM หรือพูดง่ายๆ ว่าใกล้จะเป็นตัวจริงแล้วนั่นเอง เริ่มต้นด้วยภาพแรกกันเลย จากภาพจะเห็นว่าจากเดิมที่ต้องกดปุ่มโฮมสองครั้ง แล้วจะมีปุ่มสำหรับเข้าถึงกล้องออกมาให้กด แต่ตอนนี้ปุ่มดังกล่าวจะโผล่ขึ้นมาตลอดเวลาที่เปิดหน้าล็อกสกรีนแล้ว วิธีใช้ก็แค่ยกขึ้น … ถนอมปุ่มโฮมให้อยู่กับเราไปนานๆ ภาพต่อมาคือภาพนี้เลย หมวดนี้คือหมวดเลือกภาษาของ Siri นั่นเอง โดยจากตอนแรกที่มีฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ (สำเนียงอังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย) ล่าสุดมีภาษาญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาแล้ว ด้านล่างสุดตามลูกศรนั่นเอง ตอนนี้ก็ค่อยๆ เผยฟีเจอร์ออกมาแล้ว เหลือแค่รอให้มันออกมาแล้วจ้า

Apple ช่วงหลังมักจะถูกโจมตีในเรื่องการละเมิดสิทธิเเรงงาน จนกระทั่งต้องออกมาทำหน้าเพจของ  “Supplier Responsibility”  เพื่อเเสดงให้เห็นว่า Apple มีความรับผิดชอบต่อสภาพชีวิตเเรงงานของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ Apple สั่งซื้อ รวมไปถึงความโปร่งใสในการตรวจสอบ Apple ก็ได้ให้องค์กรอิสระอย่างกลุุ่มพิทักษ์สิทธิเเรงงาน (FLA) เข้ามาตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีข้อครหาว่า Apple จัดฉากขึ้นมาตรวจสอบเอง เมื่อทาง FLA ได้เข้าไปตรวจสอบ ผลกลับออกมาว่า เเรงงานภายในโรงงาน Foxconn ที่ผลิตสินค้าให้ Apple นั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าโรงงานอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศจีนเสียอีก ประธานของ FLA ได้เข้าไปตรวจสอบโรงงาน Foxconn ด้วยตัวเอง โดยบอกว่าความเบื่อเเละรู้สึกเเปลกเเยก เป็นสาเหตุหลักให้พนักงานฆ่าตัวตาย  ภายในโรงงานมีบรรยากาศที่เงียบเหมือนกับโรงงานผลิตสิ่งทอ จึงไม่น่ามีความเครียดหรือรู้สึกกดดันภายในโรงงาน เเต่ยังไม่สามารถสรุปอะไรได้เนื่องจากการตรวจสอบเพิ่งจะดำเนินไปเท่านั้น นอกจากนี้เเล้วเขาบอกว่าไม่ต้องห่วงว่าการตรวจสอบจะเป็นไปอย่างง่ายๆ เพราะกระบวนการตรวจสอบของ FLA นั้นเข้มงวดมาก โดยมีการเข้ามาตรวจสอบโดยที่ไม่เเจ้งล่วงหน้า

ถือว่าเป็นข่าวกันมานานสำหรับจอภาพของ iPad 3 ที่จะมีความละเอียดเพิ่มขึ้นสองเท่า ซึ่งโดยปกติเเล้วเราจะเห็นเป็นข้อมูลจากซอฟเเวร์ภายในเครื่องว่า โปรเเกรมต่างๆ ใน iPad 3 นั้นทำรูปมารองรับกับหน้าจอความละเอียดสูงโดยเพิ่มความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน เเต่ข้อมูลคราวนี้เป็นการยืนยันด้านฮาร์ดเเวร์ โดยมีหน้าจอที่เชื่อว่าจะใช้ใน iPad 3 โดยเป็นจอ LCD ขนาด 9.7 นิ้วเเถมมีอัตราส่วนเเบบ 4 : 3 ที่ใช้ใน iPad รุ่นก่อนหน้า เเต่เนื่องจากจอไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ทาง Macrumors ได้ทำการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดู เเละพบว่าหน้าจอมีจำนวนเม็ดพิกเซลที่เเสดงผลมากกว่าเดิมจริง เมื่อมองจากตาเปล่าก็น่าจะประมาณสองเท่า ซึ่งสนับสนุนกับข้อมูลที่มีมาก่อนหน้าทุกอย่าง นั่นหมายความว่าหน้าจอ iPad 3 น่าจะมีความละเอียดที่ 2048 x 1536 จากเดิมที่ความละเอียด 1024 x 768 เเต่ถ้านับจำนวนพิกเซลนั้นเพิ่มมาถึง 4 เท่าทีเดียว

จากข่าวที่ จีนเริ่มไล่เก็บ iPad ที่วางขายตามร้านค้าปลีกภายในประเทศ  เนื่องด้วยปัญหาที่ Proview ไล่ฟ้องเรื่องสิทธิ์การใช้ชื่อ iPad ที่ตนครอบครองอยู่ ซึ่ง Apple เองก็พยายามต่อสู้เพื่อจะได้วางขาย iPad ต่อตามปกติ โดยล่าสุดทางศาลฮ่องกงได้ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้แล้วว่า อันที่จริง Apple มีสิทธิ์ที่จะสู้คดีกลับได้ อีกทั้งยังมีสิทธิ์ในการใช้ชื่อ iPad ในการวางขายแท็บเล็ตของตนอีกต่างหาก เนื่องด้วย Proview เองก็เคยยอมให้ Apple ใช้ชื่อ iPad ในการวางขายมาแล้วเมื่อปีก่อน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น อาจจะเริ่มมาจากยอดขาย iPad ที่พุ่งสูงขึ้นในทุกๆปี จึงเป็นไปได้ว่า Proview อาจจะต้องการเรียกร้องส่วนแบ่งการขายจาก Apple ก็เป็นได้ ดังนั้นการฟ้องร้องกลับครั้งนี้ก็จะอยู่ที่ Apple แล้วว่าต้องการจะแสดงหลักฐานในประเด็นที่ Proview ยอมรับให้ Apple ใช้ชื่อ iPad หรือไม่ ถ้า Apple ฟ้องกลับ รับรองว่างานนี้มีสนุกแน่ๆ

ก่อนหน้านี้ที่เราเคยได้ยินกันว่า Apple จะทำการออก iPad ใหม่ที่มีขนาดหน้าจอที่เล็กลง ดูเหมือนว่าข่าวที่ว่าจะเป็นจริงว่า Apple ได้ทำการทดสอบ และทดลองเจ้า iPad ตัวเล็กที่ว่านี้ เพราะมีสื่อต่างประเทศรายใหญ่อย่าง Wall Street Journal รายงานถึงแหล่งข่าวจากบริษัท supplier ในเอเซีย ว่า Apple ได้มีการส่งตัวอย่างการออกแบบตัวเครื่อง iPad ให้กับบริษัท supplier โดยที่ตัวแบบที่ว่านี้มีขนาดหน้าจออยู่ที่ราวๆ 8 นิ้ว แน่นอนว่าตัวต้นแบบที่ผลิตออกมานี้ไม่ใช่ขนาดเดียวกันกับตัวจริงที่ออกมาวางขายอยู่ และเมื่อเป็นแบบนี้ก็น่าเชื่อได้ว่า Apple ก็น่าจะทดลองกับเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่านั้น อย่าง 5,6 หรือ 7 นิ้วมาด้วยก่อนแล้ว iPad ตัวเล็กนี้ อาจะเป็นการตอบสนองต่อเครื่องแท็บเล็ตของ Amazon ที่ขนาด 7 นิ้วเหมือนกันอย่าง Kindle Fire เพราะว่าได้รับการตอบรับจากผู้ที่ชอบอ่านหนังสือกันเป็นอย่างดี และยอดขายของ iPad ก็น่าจะตกลงเรื่อยๆจากความต้องการของตลาด ที่ผู้คนเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ก็เชื่อแน่ว่า Apple เองก็คงจะคิดหาวิธีที่จะช่วยให้ iPad สามารถมีชีวิต หรือทำรายได้ให้บริษัทได้ต่อไป ในระยะยาวต่อไปจากนี้

SiamTV ที่เป็นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเเละอุปกรณ์ไอทีบริเวณภาคเหนือได้ลดราคา iPad 2 ราคา 2,000 บาททุกรุ่น ทุกสี ซึ่งงานจะจัดที่สยามทีวี เชียงใหม่ เเละลำพูน ถ้าใครเดินทางไปไม่ไกลก็เเวะไปดูได้เลยครับ

เมื่อวานนี้ Tim Cook ซึ่งดำรงตำเเหน่ง CEO ของ Apple ได้ออกมาตอบคำถามของนักวิเคราะห์ในงาน Goldman Sachs Technology and Internet Conference ซึ่งมีข้อมูลหรือตัวเลขหลายอย่างที่น่าสนใจดังนี้ครับ ความปลอดภัยของคนงาน  : Cook ยังบอกว่า Apple เป็นบริษัทที่โปร่งใสที่สุดในเเง่ของสวัสดิภาพเเรงงาน โดยมีการดูเเลความเป็นอยู่ของคนงาน เรื่องเเรงงานเด็ก ความปลอดภัย เเละการทำงานล่วงเวลา ในทางปฏิบัตินั้น Apple ได้ให้ความร่วมมือกับสมาคมเพื่อเเรงงานที่เป็นธรรม (Fair Labor Association – FLA) สามารถตรวจสอบได้อย่างอิสระ เเละ Apple จะทำการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเเรงงานเป็นประจำทุกเดือน การเติบโตของ iPhone  : ในไตรมาสที่ผ่านมา Apple ขาย iPhone ไปได้ทั้งหมดถึง 37 ล้านเครื่องทำให้มีผลประกอบการที่โดดเด่นมาก เเละยังมองว่า Apple ยังโตได้อีกเพราะว่าผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือ 90% เเละผู้ซื้อสมาร์ทโฟน 75% ยังคงเลือกอย่างอื่นนอกจาก iPhone อยู่ (เเบบว่ามั่นมากว่าของตัวเองยังมีโอกาสให้คนอื่นซื้ออีกเยอะ) ตลาดเกิดใหม่  : Apple จะเน้นไปที่ตลาดเกิดใหม่มากขึ้น โดยตอนนี้เน้นที่จีนเป็นหลัก รองลงมาเป็นบราซิลเเละรัสเซีย ถึงเเม้ว่

แม้ iPad จะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ในจีน เนื่องด้วยตอนนี้เจ้าหน้าที่จากทางรัฐบาลจีนได้เริ่มออกมาเก็บ iPad ที่วางขายตามร้านค้าปลีกไปแล้วกว่า 45 เครื่อง ส่วนบางร้านที่อาจจะยังไม่โดนเก็บ ก็เริ่มเอาของออกจากหน้าร้านแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกรัฐฯเรียกเก็บไปทั้งหมดแล้วสูญเงินแบบฟรีๆ โดยสาเหตุหลักๆที่ iPad ถูกเก็บในประเทศจีนก็คงจะหนีไม่พ้นกรณีที่ชื่อสินค้าดันไปตรงกับ iPad ของบริษัท Proview ที่ได้จดทะเบียนในจีนไว้ตั้งแต่ปี 2000 ดังนั้น Apple จึงถูก Proview ฟ้องร้องให้หยุดการขายและเรียกค่าเสียหาย แต่ทาง Apple ก็พยายามต่อสู้คดีและขอซื้อสิทธิ์การใช้ชื่อ iPad แล้ว แต่ศาลไม่รับฟ้อง ดังนั้นมีแววว่า Apple อาจจะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับ Proview กว่า 1.6 พันล้าน USD และจ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลจีนกว่า 38 ล้าน USD ทีเดียว

ในงานมอบรางวัล Grammy ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่สำหรับวงการเพลงสหรัฐฯที่จัดขึ้นทุกๆปี ล่าสุดได้มีการมอบรางวัลพิเศษอย่างรางวัล Grammy Trustee Award ให้กับ Steve Jobs เนื่องด้วยผลงานที่ Steve Jobs ที่มอบให้กับวงการเพลง โดยเฉพาะเรื่องหลักๆเลยก็คือนวัตกรรมในวงการเพลงอย่าง iPod ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถพกพาเพลงไปฟังได้ตลอดเวลา ส่วนอีกอย่างที่สำคัญก็คือ iTunes ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหาซื้อเพลงได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก โดยทาง Apple ได้ส่ง Eddy Cue ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่าย internet software และการบริการ มารับรางวัลแทน โดย Eddy Cue ได้กล่าวถึง Steve Jobs ว่าเพลงเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตของ Steve Jobs มาก ทำให้ตัวเขาเป็นอย่างที่เขาเป็นที่ผ่านมา ส่วนศิลปินที่ Jobs โปรดปรานมากที่สุดก็คือ Bob Dylan และ The Beatles ที่คาดว่าหลายๆคนน่าจะทราบกันอยู่แล้วนั่นเอง

เวลา Apple จะส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกมา แน่นอนว่าจะต้องเคลียร์สต็อกของเก่าออกด้วย ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ iPad 2 ในสต็อกก็เริ่มเกิดภาวะขาดแคลนบ้างแล้ว โดยเฉพาะ iPad 2 WiFi+3G ที่เริ่มหาซื้อได้ยาก ทำให้ผู้ค้าปลีกบางรายต้องขึ้นสถานะกันเลยว่าของหมดสต็อก แต่ในรายของรุ่น iPad 2 WiFi นั้นยังคงมีของในสต็อกมากพออยู่ ดังนั้นใครที่เตรียมหาซื้อ iPad 2 รุ่น WiFi ก็ยังไม่ต้องกังวลเลยครับ มีเวลาให้เก็บเงินกันอยู่พอสมควร ทั้งนี้ คาดว่าหลัง iPad 3 เปิดตัว Apple น่าจะจัดการลดราคารุ่นเก่าๆลงอย่างแน่นอน โดยในตัวของ iPad 2 WiFi มามีราคาต่ำสุดแค่ $399 (ราว 13,000 บาท) ซึ่งในกรณีที่ iPad 2 3G มีเครื่องในสต็อกเหลือน้อย ได้มีการคาดการณ์กันว่า Apple อาจจะกำลังเตรียมเปลี่ยนแปลงตัวชิป cellular ให้ทั้งระบบ GSM และ CDMA สามารถใช้งานชิปตัวเดียวกันได้เหมือนกับที่เคยทำใน iPhone 4S มาแล้ว ส่วนในเรื่องของ LTE นั้น ก็อาจจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้างที่จะมาใน iPad 3 แต่ถ้าให้มองจากท่าทีของ Apple ที่ผ่านมาๆ ดูแล้วเราคงยังไม่ได้เห็น LTE ใน iPad ภายในรุ่น-สองรุ่นนี้แน่นอน

มาดูเรื่องของ iPad 3 กันต่อเนื่องเลยครับ โดยในวันนี้มีมาเป็นภาพเลย เนื่องด้วยมีภาพของชิ้นส่วนภายในที่ลือกันว่าเป็นของ iPad 3 หลุดออกมา ซึ่งถ้าดูตามภาพที่หลุดออกมาแล้ว จะพบว่ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในใหม่ จะมีก็แต่ฝาหลังเท่านั้นที่ดูจะเหมือนเดิม ทำให้พอจะเดาได้ว่าตัวรูปร่างภายนอกของ iPad 3 คงจะไม่ต่างไปจาก iPad 2 ซักเท่าไร (อาจจะมาในชื่อ iPad 2S ก็ได้นะ   ) เริ่มด้วยส่วนของปุ่ม sleep, เพิ่ม/ลดเสียง, ปิดเสียงโดยชิ้นบนนี้เชื้อว่าเป็นของ iPad 3 นะครับ ส่วนภาพล่างจะเป็นของใน iPad 2 หน้าตาของโมดูล WiFi ก็มีการปรับเปลี่ยนไปภามประเทศนั้นๆแน่นอน ส่วนของโมดูลสำหรับเสียบแจ็คหูฟังเพื่อเรียกใช้งานก็มีการปรับเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว ฝาหลังเป็นส่วนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์อย่างเห็นได้ชัด จะมีก็แต่การย้ายตำแหน่งของรูน็อต รวมไปถึงตัวแบตเตอรี่ที่จะมีขนาดเล็กลง แต่ความจุเท่าเดิม (ซ้าย iPad 2 / ขวา iPad 3) และประกอบกับบรรดาข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า Apple จะยกเครื่องสเปกภายในของ iPad 3 ใหม่ ที่จะทำให้แรงกว่าเดิมมากพอสมควร ดังนั้นจะรวมเป็นกระแสลือได้ว่า iPad 3 จะมาพร้อมสเปกแรงๆ หน้าตา

มีการรายงานเกี่ยวกับการค้นพบบั๊กใน iOS 5.0.1 ขึ้น โดยหลักๆคือเป็นบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องที่ทำให้ผู้ใช้ iPhone 4, iPhone 4S สามารถใช้งาน FaceTime ด้วยระบบการสั่งงานด้วยเสียงได้ แม้จะมีการคั้งค่าความปลอดภัยให้ฟังก์ชันสั่งโทรออก (Voice Dial) ไม่ทำงานไปแล้วก็ตาม โดยทางผู้พบบั๊กได้กล่าวถึงการค้นพบบั๊กของเขามาด้วย นั่นคือการใช้งานการสั่งงานด้วยเสียงให้เรียกแสดงข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อในเครื่องขึ้นมา จากนั้นก็สั่ง FaceTime ซะ ส่วนอีกกรณีหนึ่งที่พบบั๊กนี้ก็คือมันสามารถใช้งาน FaceTime ไปหาคนอื่นได้ แม้ว่าเครื่องจะล็อกอยู่ อีกทั้งได้ทำการปิดการทำงานของฟังก์ชัน Voice Control ไปแล้ว ซึ่งขั้นตอนการที่ทำให้สามารถเรียกใช้งาน FaceTime ได้แม้ว่าจะล็อกเครื่องอยู่ ก็คือการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อเปิดหน้า Emergency Call (ทั้งๆที่ปิดการทำงานของ Voice Dial ไปแล้ว) จากนั้นก็พูดสั่งเพื่อใช้งาน FaceTime ส่วนคนที่ใช้ iPhone 4S อยู่นั้นก็สามารถพบบั๊กนี้ได้เช่นกัน แต่จะต้องปิดการทำงานของ Siri ไปก่อน จึงจะพบบั๊กที่เกิดขึ้นตามข้อความด้านบน ก็ขอให้ Apple แก้ไขบั๊กเร็วๆนะครับ

กลับมากันอีกครั้งกับข่าวลือของ iPad 3 แต่ดูเหมือนในคราวนี้ตัวข่าวจะมีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อยเลย เนื่องด้วยเป็นข่าวมาจาก AllThingsD ที่อยู่ในเครือของ The Wall Street Journal เลยด้วย โดยทาง AllThingsD นั้นได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวหนึ่งว่า Apple ได้เลือกให้สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้เป็นช่วงเวลาในการจัดงานเปิดตัว iPad 3 ที่ศูนย์รวบรวมงานศิลปะอย่าง Yerba Buena ใน San Francisco ซึ่งสถานที่นี้ก็แน่นอนว่า Apple ได้เป็นผู้เลือกด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ในเรื่องของกำหนดเวลาที่แน่นอนของการวางจำหน่าย iPad 3 นั้นยังไม่มีหลุดออกมาด้วย แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าอาจจะเหมือนกับ iPad 2 ที่เริ่มมีวางขายตั้งแต่ 1 สัปดาห์แรกหลังการเปิดตัว ส่วนของสเปก iPad 3 นั้น แหล่งข่าวไม่ได้ให้ข้อมูลในส่วนนี้มาด้วย แต่ก็เชื่อกันว่าคงจะเป็นการใช้ชิปประมวลผลที่มีความเร็วสูงกว่าเดิม, ความละเอียดจอจะพุ่งขึ้นไปสูงถึง 2048 x 1536 ซึ่งทำให้มันกลายเป็นจอ Retina Display ไปเลย ซึ่งก็แน่นอนว่าทางโฆษกของ Apple ได้ออกมาปฎิเสธข่าวลือต่างๆเหล่านี้ และไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นปริศนาต่อไป

แม้ iPad 3 จะใกล้ออกแล้ว แต่ความนิยมของ iPad 2 ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ก็คือตามหน่วยงานต่างๆยังคงมีการสั่งซื้อ iPad 2 ไปใช้งานในองค์กรอยู่ไม่น้อย ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯ อาจจะสั่งซื้อ iPad 2 กว่า 18,000 เครื่องเพื่อนำไปใช้งานกับเครื่องบินลำเลียงอุปกรณ์อย่าง C-5 Galaxy และ C-17 Globemaster ซึ่งถ้ามีการสั่งซื้อเกิดขึ้นจริง ดีลนี้ก็จะกลายเป็นการสั่งซื้อ iPad 2 เป็นจำนวนที่มากที่สุดไปเลยทีเดียว โดยในรายงานการสั่งซื้อนั้นมีการระบุเอาไว้ว่าจะทำการสั่งซื้อ iPad 2 หรือแท็บเล็ตอื่นที่เทียบเท่า จำนวนอย่างน้อย 63 เครื่อง หรืออย่างมากสุดก็ 18,000 เครื่อง (ก็คงหนีไม่พ้น iPad 2 แน่ๆ) ซึ่งจุดประสงค์หลักของคำสั่งการจัดซื้อนี้ก็คือการหาแท็บเล็ตมาใช้ช่วยในการจัดการงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบิน เพื่อประหยัดเวลาในการจัดการงานลง แถมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็น iPad 2 เท่านั้น จะเป็นแท็บเล็ตอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ในระดับเดียวกับ iPad 2 ก็พอ

หลังจาก Apple ส่ง iPhone 4S วางตลาดพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ถอดด้ามในตัวอย่าง Siri ที่ทำให้หลายๆคนต้องเปลี่ยนจาก iPhone 4 มาใช้ iPhone 4S กันโดยพลัน (แต่ในไทยคงไม่มีผลมากนัก) หรือทำให้เหล่าแฮ็กเกอร์ นักพัฒนาโปรแกรมทั้งหลายหันมาพยายามทำให้ iPhone 4 สามารถใช้งาน Siri ได้บ้าง แต่ก็ยังติดปัญหานู่นนี่นั่นมากมาย ซึ่งก็มีรายงานชิ้นหนึ่งเปิดเผยออกมาจาก CNET ในประเด็นที่ทำไม Siri จึงสามารถใช้งานได้เฉพาะบน iPhone 4S เท่านั้น สาเหตุมันก็เนื่องมาจากเจ้าชิป Apple A5 นั่นเอง โดยตัวของ Apple A5 นั้น ภายในจะมีส่วนหนึ่งที่ใช้ทำงานในการลดเสียงรบกวนจากไมค์โดยเฉพาะ ทำให้ตัว Apple A5 สามารถกรองคำพูดของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำค่อนข้างมาก ซึ่งในตัว Apple A4 นั้นไม่มีตัววงจรลดเสียงรบกวนที่ว่า ทำให้ไม่สามารถใช้งาน Siri ได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ โดยเจ้าวงจรส่วนที่ต่างกันนี้มีชื่อว่า EarSmart ที่มีเฉพาะใน A5 เท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าในตัว Apple A4 ใน iPhone 4 จะไม่มีวงจรตัดเสียงรบกวนนะครับ มันมี เพียงแต่ประสิทธิภาพมันไม่เท่ากับใน A5 เท่านั้นเอง อีกทั้งระยะการใช้งานก็สั้นกว่าด้วย แต่ทั้งนี้จะเรียกว่าหมดหวังก

ข่าวลือ iPad รุ่นใหม่ประจำวันมาถึงแล้ว หลังจากมีภาพฝาหลังของ iPad รุ่นใหม่จาก Repair Labs Blog เทียบกับของเก่ากันแบบจะๆ (ซ้าย iPad 2 – ขวา iPad ใหม่) จากการเปรียบเทียบด้วยสายตา พบว่าฝาหลังนี้จะรองรับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น บอร์ดของตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กลงไปอีก รวมถึงกล้องที่จะมีคุณภาพเพิ่มขึ้นอีก (มุมขวาบน กล่องสีดำ) ในขณะที่ตัวเครื่องจะยังมีขนาดเท่าเดิม โดยเฉพาะขนาดของจอภาพ 9.7 นิ้ว รวมกับข้อมูลชุดใหม่ที่ได้รับมาตอบรับกับการที่ iPad รุ่นใหม่จะเพิ่มความละเอียดหน้าจอเป็นสองเท่า อยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล ให้ได้ใกล้เคียงกับ Retina Display คือชิป Apple A6 จะยังไม่ใช่ควอดคอร์ แต่จะเพิ่มชิปกราฟิกที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไป แต่จะทำให้เครื่องนั้นหนาขึ้นอีกราว 1 มม. ล่าสุดนี้มีฝาหลังของ iPad รุ่นใหม่ออกมาเพิ่มเติม โดยฝาหลังรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากจึงคาดว่าน่าจะนำมาใช้สำหรับประกอบเป็น iPad รุ่นใหม่ โดยจะเห็นว่าบริเวณเลนส์กล้องนั้นมีขนาดใหญกว่าของ iPad 2 เเละจะใช้กับ Smart Cover ของ iPad 2 ได้อีกด้วย

กลายคนอาจได้ลองใช้ iOS 5.1 รุ่น beta ที่ปล่อยให้นักพัฒนาได้ทดสอบกันอยู่ในตอนนี้บ้างแล้ว (ล่าสุดเป็น iOS 5.1 beta 3) แต่รุ่นเต็มๆ จะปล่อยออกมาเมื่อไหร่ วันนี้เริ่มมีเบาะแสออกมาแล้วจ้า เบาะแสที่ว่านั้นมาจากข้อมูลตัวนึงที่เก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ iphonediags.apple.com ที่ชื่อว่า “CarrierBundles-09Mar2012-Update” ซึ่งแปลว่าเจ้าอัพเดทตัวนี้อาจเป็น iOS 5 ตัวเต็มที่จะปล่อยให้ดาวน์โหลดกันในวันที่ 9 มีนาคมที่จะถึงนี้ก็เป็นได้ ข้อสังเกตุอีกหน่อยเกี่ยวกับ 9 มีนาคมคือมันเป็นวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับวันขายของ iPad 2 ซึ่งขายวันศุกร์เช่นกัน และวันที่ 29 กุมภาพันธ์ปีนี้ก็เป็นวันพุธ ซึ่ง iPad ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้จะเปิดตัววันพุธเสมอๆ ต้องมาดูกันว่า อัพเดท iOS 5.1 จะมาพร้อมกับ iPad รุ่นใหม่เลยหรือไม่ ?

หลายคนรู้กันว่า Siri หรือผู้ช่วยคนใหม่จาก Apple ที่ประจำการอยู่บน iPhone 4S นั้นพูดได้แค่ไม่กี่ภาษาอย่างเช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่ด้วยความที่เจ้า Siri ยังติดป้ายว่าเป็นรุ่น beta อยู่ หมายความว่ามันกำลังพัฒนาอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง และก็มีข่าวคราวว่า Siri จะพูดภาษาอื่นได้เพิ่มเติมแล้วจ้า เว็บไซต์ DoNews อ้างว่าได้ข่าวมาจากวิศวกร Apple ในประเทศจีนกำลังพัฒนาให้ Siri สามารถใช้งานภาษาจีนอยู่ในขณะนี้  ซึ่งตามข้อมูลที่ได้มาคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ประมาณเดือนหน้า ส่วนตอนนี้กำลังทดสอบกันอยู่ภายใน ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่านอกจากภาษาจีนจะใช้ได้เร็วๆ นี้แล้ว ภาษาข้างเคียงอย่างจีนสำเนียงไต้หวัน ก็จะใช้ได้ด้วย รวมถึงญี่ปุ่น และรัสเซียเช่นกัน จากที่ Apple เคยบอกไว้เมื่อครั้งเปิดตัว Siri ว่าจะเพิ่มภาษาญี่ปุ่น จีน เกาหลี อิตาลี และสเปนให้ภายในปีนี้ ซึ่งสามภาษาที่ถูกเอ่ยถึงน่าจะเป็นชุดแรกที่ถูกเพิ่มเข้ามา กำหนดการยังไม่แน่ชัด แต่คาดว่าจะมาพร้อมกับ iOS 5.1 ที่น่าจะอัพเดทในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้

ในยุคที่เทคโนโลยีด้านอุปกรณ์พกพาก้าวหน้าไปไกล จนส่งผลในการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป จากเดิมที่เราใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารด้านเสียงอย่างเดียว ในปัจจุบันก็สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตหรือสนทนากันเเบบเห็นหน้าได้ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้ไปถึงเรือนจำ ที่การซื้อขายมือถือในเรือนจำที่ผิดกฏหมายกันเลยทีเดียว จากรายงานของข่าวสดได้บอกว่าที่คุกเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเเหล่งที่รวมผู้ต้องหาจากคดียาเสพย์ติดเป็นจำนวนมาก ที่มีการควบคุมการดูเเลนักโทษอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำ เเต่ก็รู้กันว่ามีการซื้อขายมือถือกันภายในเรือนจำ ซึ่งราคามือถือนั้นถือว่าสูงมากเพราะเป็นของที่ผิดกฏเเละหายาก เเหล่งข้อมูลจากสำนักงานตำรวจเเห่งชาติได้บอกว่าการซื้อขายมือถือธรรมดาๆ นั้นเป็นเรื่องล้าสมัยไปเเล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ถึงขั้นมีการขาย iPhone ถึงภายในเรื่อนจำเเทนโทรศัพท์เเบบเดิมกันเเล้ว เพราะ iPhone สามารถใช้ FaceTime เพื่อโทรหาสาวๆ เหมือนเห็นหน้ากันอยู่นอกเรือนจำกันเลยทีเดียว ถึงขั้นว่ามีการเล่น FaceTime วาบหวิวกับสาวๆ ได้ ส่วนราคาของเครื่องนั้นอยู่ในระดับเเสนบาท เเละมีข่าวว่าเจ้าหน

ยังไม่จบนะครับสำหรับมหากาพย์การจิกกัดจาก Samsung ที่มีต่อ Apple โดยในครั้งนี้เป็นการเน้นโฆษณาตัวของ Samsung Galaxy Note  เป็นหลัก ด้วยความสามารถของ Galaxy Note ที่มาพร้อมจอขนาดใหญ่ มีปากกา S Pen สำหรับขีดเขียนบนหน้าจอ ทำให้เกิดความอิสระในการใช้งานที่เหนือกว่า iPhone จนทำให้คนที่ต่อแถวรอซื้อ iPhone อยู่ถึงกับพังรั้วออกมาจากแถวเลยทีเดียว ซึ่งธีมของโฆษณานั้นดูจะเน้นความสดใสตาม lifestyle ของคนรุ่นใหม่ ดูแล้วให้อารมณ์คล้ายๆกับบางโฆษณาของ Apple ทำให้ภาพพจน์ของคนใช้ Android ไม่ได้มองว่าเป็นพวก geek หรือนิ่งๆ ดูเคร่งๆอีกต่อไป เรียกได้ว่าเป็นการฉีกภาพพจน์ออกมาได้ในระดับหนึ่งเลย อีกทั้งการเฉลิมฉลองให้กับความอิสระภายหลังจากพังรั้วของ Apple ออกมาแล้ว ก็จัดว่าเป็นการแหย่ Apple ที่แรงพอสมควรเลยทีเดียว อารมณ์เหมือนคนที่พยายาม jailbreak iPhone อย่างไรอย่างนั้นเลย ซึ่งโฆษณาตัวนี้ แบบเดิมๆก็คาดว่าน่าจะดังได้อยู่แล้ว แต่ Samsung ยังเด็ดกว่านั้น เพราะได้นำโฆษณาตัวนี้ไปฉายในศึกการแข่งขัน Super Bowl ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปด้วย ซึ่งศึก Super Bowl นี้ไม่ได้มีแต่ชาวอเมริกาทั่วประเทศที่รับชมเท่านั้น แต่

ปัญหาของแอพเลียนแบบ ที่จะทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นแอพจริง และอาจมีให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัวซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ภายหลัง หรือทำให้ผู้ผลิตแอพตัวจริงเสียผลประโยชน์ที่ควรได้ไปนั้น Apple ผู้ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเข้มงวดเรื่อง App Store ก็ไม่ได้ปล่อยผ่านปัญหานี้แต่อย่างใด ล่าสุดได้จัดการเชือดเหล่าแอพเลียนแบบไปจาก App Store เรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างแอพก็อย่างเช่น Angry Ninja Birds, Tiny Birds, Number With Friends และ Temple Jump ที่แต่ละเกมเป็นคู่ของเกมแท้ดังนี้ Angry Ninja Birds – Angry Birds Tiny Birds – Tiny Wings Number With Friends – Words With Friends Temple Jump – Temple Run โดยการปราบปรามของ Apple ในครั้งนี้ก็ช่วยทำให้ผู้ผลิตแอพมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าแอพของตนจะไม่ถูกลอกเลียนกันได้แน่ๆ (ก็หวังว่าอีกค่ายจะออกมาเชือดแอพแนวๆนี้บ้างนะ แต่ดูท่าจำนวนแอพอาจจะหายไปเยอะไม่ใช่เล่นแน่ๆ   ) ใครที่ติดตั้งแอพปลอมเหล่านั้นอยู่ แนะนำว่ารีบลบออกโดยด่วนเลยจ้า ส่วนใครที่ชอบโหลดแอพฟรีก็อาจจะต้องระวังมากขึ้นหน่อยละนะ ถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อแอพปลอมเหล่านี้

ช่วงแห่งการวิเคราะห์ของนักวิแคะมาอีกแล้วจ้า โดยคราวนี้ออกมาพูดถึงการเปิดตัว iPhone 5 ว่า Apple น่าจะนำมาเปิดตัวในงาน WWDC ในเดือนมิถุนายนนี้แน่นอน โดยตัว iPhone 5 นั้นจะมาในบอดี้อะลูมิเนียมดีไซน์ใหม่ เช่นเดียวกับ iPad ที่น่าจะมาในรูปลักษณ์ใหม่เช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องเคสแล้ว เรื่องของจอก็มีการพูดถึงด้วย โดย iPhone 5 จะมาพร้อมกับจอขนาด 4 นิ้วอย่างที่เราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่สมัย iPhone 4S หรืออาจจะนานกว่านั้นอีกด้วย โดยงาน WWDC นั้นจะจัดขึ้นที่ Moscone Center ใน San Francisco ช่วงวันที่ 11-15 มิถุนายนนี้ ซึ่งกว่าจะถึงก็อีกตั้ง 4 เดือน ช่วงนี้ก็ฟังข่าวเล่าข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone 5 กันไปก่อนนะครับ ไม่แน่ช่วงใกล้ๆงานอาจจะมีข่าวเครื่องต้นแบบ iPhone 5 ถูกลืมทิ้งไว้ตามบาร์อีกก็เป็นได้ 

ถ้าจะให้กล่าวถึงค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของโลกในขณะนี้ ก็คงจะต้องเป็น 2 ค่ายใหญ่ที่แข่งขันกัน นั่นคือ Apple และ Samsung โดยเฉพาะในตลาดของ smartphone ที่ทั้งสองเป็นเจ้าครองตลาดอยู่ ที่เห็นได้ชัดก็คือปีที่แล้วที่ยอดขาย smartphone พรุ่งพรวดขึ้นมาเป็นกว่า 30% ของยอดขายมือถือทั่วโลก อีกทั้งผลกำไรรวมของมือถือทั่วโลก ก็เป็นส่วนของ smartphone ไปซะกว่า 75% เลยทีเดียว ซึ่งในประเด็นนี้ ได้มีการวิเคราะห์ออกมาว่า ถ้าในปีนี้การเติบโตของ smartphone ยังคงต่อเนื่องอยู่ รายได้ของ Apple และ Samsung ตอนปลายปีจะคิดได้เป็นกว่า 55% ของวงการมือถือทั้งหมด และในส่วนของกำไรก็จะตกเป็นของ Apple และ Samsung รวมกันกว่า 90% ของกำไรที่ได้จากยอดขายมือถือทั่วโลกเลย (กำไรก่อนหักภาษี) โดยมือถือสองตัวที่คาดว่าจะมาเป็นตัวทำกำไรให้ทั้งสองค่ายก็คงหนีไม่พ้น iPhone 5 (ที่ไม่รู้จะมาหรือไม่ มาเมื่อไร) และ Samsung Galaxy S III นั่นเอง

ในปัจจุบันนี้ iPhone จัดว่าเป็นตัวทำรายได้หลักให้กับ Apple ไปแล้ว เนื่องด้วยความนิยมของผู้ใช้ที่สูงขึ้นในทุกๆ Gen ที่ออกมา โดยในไตรมาสที่ผ่านมาของปีที่แล้ว มีรายงานออกมาว่ายอดรายได้เฉพาะ iPhone อย่างเดียวก็สูงถึงกว่า 24.4 พันล้าน USD ซึ่งเหนือกว่ายอดรวมรายได้กิจการทั้งหมดของ Microsoft ไล่มาตั้งแต่กลุ่มของ server ยันไปถึงเหล่า Xbox ที่ทำรายได้รวมกันเพียง 20.9 พันล้าน USD เท่านั้นเอง ส่วนในประเด็นของกำไรนั้น iPhone สามารถทำกำไรให้กับ Apple ไปกว่า 9.3 พันล้าน USD ส่วน Microsoft ทำกำไรรวมกันทุกกิจการไปได้ 8.2 พันล้าน USD เท่านั้น นี่ขนาดว่า iPhone อย่างเดียวนะ รายได้ยังเยอะขนาดนี้ ก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะครับ ว่าทำไม Apple ถึงมียอดเงินสดสะสมสูงมากขนาดนั้น